บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สุดยอดโปรแกรมบริหารการผลิต Business Plus Material Requirement Planning (MRPII)


สุดยอดโปรแกรมบริหารการผลิต
บริหารงานสั่งผลิตอย่างอัจฉริยะ ในราคาคนไทย


              Business Plus Material Requirement Planning (MRPII) โปรแกรมสำหรับวางแผนการผลิต เป็นโปรแกรมที่ครบถ้วนในกระบวนการ ผลิต ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายๆ ลดการสูญเสียไม่ว่าจะเป็นการจัดการเกี่ยวกับการคำนวณหาวัตถุดิบที่ต้องใช้ เพื่อที่จะนำไปผลิตสินค้าสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป ให้ได้ครบตามจำนวนที่ต้องการจาก Sale Order หรือจากสูตรการผลิต/สูตรแปรรูป (BOM) เพื่อออกเอกสารใบสั่งผลิต ทั้งยังคำนวณ อัตโนมัติว่าควรจะสั่งซื้อวัตถุดิบชนิดใดบ้างที่ไม่เพียงพอ และต้องส่งวัตถุดิบใดบ้างเข้าไปยังเครื่องจักรที่ทำหน้าที่ผลิต แก้ไขผลผลิตจริงที่ไม่ตรงตามสูตรการผลิต/สูตรแปรรูป, การสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการผลิต และต้นทุนการผลิตที่แท้จริง พร้อมเชื่อมโยงกับโปรแกรม Business Plus Account & ERP โดยอัตโนมัติ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 
  • ไม่จำกัดประเภทและชนิดของวัตถุดิบ (RM – Raw Material) สินค้ากึ่งสำเร็จรูป (SFG – Semi Finished Goods) และสินค้าสำเร็จรูป (FG – Finished Goods)
  • สูตรการผลิต/สูตรแปรรูป สร้างได้หลายระดับ และไม่จำกัดเพื่อเป็นได้ทั้งสินค้าสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป
  • รองรับ การกำหนดสูตรการผลิต/สูตรแปรรูป ไม่จำกัดจำนวนขั้นตอนสูตรการผลิต และไม่จำกัดลำดับขั้นในการผลิต โดย FG ที่ได้แต่ละขั้นตอนการผลิต สามารถเรียกใช้ FG นั้นต่อไปในสูตรอื่นต่อได้ไม่จำกัด หรือนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปอื่น ได้โดยไม่จำกัดในขบวนการผลิต
  • เมื่อ สินค้าสำเร็จรูปผลิตมีจำนวนคงเหลือไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย โปรแกรมจะรองรับการรับ Order สินค้านั้นลงในใบจองสินค้า และสร้างความสะดวกให้กระบวนการผลิตด้วย โปรแกรมจะทำการรวบรวมการจองสินค้า ไปทำการสร้างใบขอแปรรูปตามสินค้า หรือ ใบขอแปรรูปตามเอกสารที่ขาดสต็อคได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว
  • เมื่อได้ใบขอแปรรูป เพื่อทำเอกสารสั่งผลิต และถ้าวัตถุดิบไม่เพียงพอกับใบสั่งผลิต เช่น
  1. สูตรการผลิต/สูตรแปรรูป สินค้าสำเร็จรูปรหัส FG6 ประกอบด้วย ขั้นตอนการผลิต คือ
FG1 มี BOM คือ RM1 x 3, RM2 x 1, RM3 x 4
FG2 มี BOM คือ RM4 x 1, RM5 x 1, RM1 x 1
FG3 มี BOM คือ RM6 x 1, RM5 x 1, RM3 x 1, RM8 x 1
FG4 มี BOM คือ FG2 x 3, FG1 x 1, RM7 x 1, RM2 x 5
FG5 มี BOM คือ FG4 x 2, FG3 x 1, RM7 x 7
FG6 มี BOM คือ FG5 x 2, FG4 x 8, RM9 x 1
  1. จากตัวอย่างโปรแกรมสามารถแจ้งได้ทันทีว่า ถ้าต้องการผลิต FG6 10 ชิ้น ? - ต้องทำการผลิตทั้งหมดกี่ขั้นตอน
  2. ระบบงานที่จัดการเกี่ยวกับการคำนวณหาวัตถุดิบ (RM) ที่ต้องการใช้ เพื่อที่จะนำไปผลิตสินค้าสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป คำนวณแผนการใช้วัตถุดิบ โดยพิจารณาจากยอดจองสินค้า และสูตรการผลิต/สูตรแปรรูป (BOM) โดยดูจากยอดวัตถุดิบคงเหลือยอดค้างรับและจุดต่ำสุด โดยสร้างใบขอซื้อโดยอัตโนมัติ เพื่อรอกระบวนการอนุมัติเอกสารตามระบบทางเดินเอกสาร ของแต่ละกิจการตลอด
  • ฝ่ายบัญชีไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนที่แท้จริง สามารถรับรู้ต้นทุนที่แท้จริง เช่น
  1. รองรับกรณีมีของเสียในการผลิต ผลผลิตที่ได้ไม่เป็นไปตามสูตรการผลิตสามารถบันทึกจำนวนสินค้าสำเร็จรูปจริงที่ผลิตได้
  2. กรณี วัตถุดิบที่ใช้ไม่เป็นไปตามสูตรการผลิต สามารถแก้ไขจำนวนที่ใช้จริงในแต่ละใบสั่งผลิตได้ ทำให้ทราบข้อมูลการใช้วัตถุดิบที่แท้จริงและต้นทุนผลิตจริงของแต่ละใบสั่ง ผลิต
  3. ในกรณี โรงงานปิดต้นทุนสินค้าแบบ Periodic โปรแกรมมีรายงานสรุปสินค้าคงเหลือตามประเภทการลงบัญชีแสดงมูลค่าวัตถุดิบงาน ระหว่าง และผลผลิตคงเหลือ ได้ในทุกสิ้นงวดบัญชี
  • เก็บสถิติเพื่อฝ่ายผลิตในการพัฒนาปรังปรุง เช่น
  1. ระบบแสดง Yield สัดส่วนการสูญเสีย การสูญเปล่าจากการผลิตของเสีย เพื่อใช้เป็นข้อมูลวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการผลิตต่อไปได้
  2. ทราบได้ว่าจุดผลิต เครื่องจักรใดที่ทำการผลิตไม่ได้ตามมาตรฐาน
  3. รายงาน ประสิทธิภาพเครื่องจักร โปรแกรมจะทำการรวมเอกสารการแปรรูป ตามช่วงเวลาที่เลือกจากนั้น โดยโปรแกรมจะทำการเทียบกับสูตรแปรรูป ที่กำหนดว่า เป็นการให้ประสิทธิภาพ 100% เพื่อดูว่าการแปรรูปจริงให้ผลลัพท์ที่กี่ % การแสดงสามารถแสดงได้ทั้งแบบละเอียด และแบบสรุป
  • ให้ข้อมูลฝ่ายจัดซื้อเพื่อลดต้นทุน และลดการเสียโอกาส เช่น
  1. ลดการสั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณมากเกินความต้องการในการผลิต
  2. ลดการเสียโอกาส เพราะไม่ทราบว่าวัตถุดิบขาดสต็อคไม่เพียงพอต่อการผลิต
  3. ลดต้นทุนจากการเก็บวัตถุดิบคงคลังมากเกินไป
  4. สามารถ วางแผนสั่งซื้อวัตถุดิบโดยดูจากรายงานประมาณการซึ่งแสดงจำนวนสินค้าคงเหลือ ปัจจุบัน จุดต่ำสุดในคลัง จำนวนค้างรับและจำนวนขอซื้อจากกระบวนการผลิตที่ต้องการใช้
  • ผู้บริหารสามารถทราบต้นทุนการผลิตที่แท้จริงได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง เพื่อใช้ในการตัดสินใจและการวิเคราะห์
  • รายงานสำหรับช่วยการบริหารการผลิต การสั่งซื้อ และประสิทธิภาพเครื่องจักร

              Business Plus Material Requirement Planning (MRPII) โปรแกรมสำหรับวางแผนการผลิต จึงเหมาะกับผู้ผลิตทุกประเภทกิจการ โดยเฉพาะธุรกิจ SME ทั้งยังเพื่อความสะดวกในการจัดทำงานบัญชีโดยการเชื่อมโยงกับโปรแกรม Business Plus Account & ERP โดยอัตโนมัติ ทำให้งานผลิตจบกระบวนการอย่างสมบูรณ์ภายใต้ Business Plus Account & ERP และ Business Plus Material Requirement Planning (MRPII)

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Microsoft Dynamics AX คืออะไร


 

นี้คงเป็นคำถามที่หลาย  ๆ คนสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ ได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกัน

Microsoft Dynamics AX คือโปรแกรมด้าน ERP ของ Microsoft โดย Microsoft Dynamics AX เริ่มทำตลาดในเมืองไทยเมื่อปี 2000 ในนามของ Axapta และ หลังจาก Microsoft ซื้อกิจการและทำการเปลี่ยนชื่อเป็น Dynamics AX ก็เป็นที่นิยมและรู้จักมากขึ้น Microsoft ได้ มีแผนพัฒนารวบ Technology ของ Microsoft เข้าไปในเวอร์ชันต่อๆไป
Microsoft Dynamics AX หรือ ชื่อเดิม Axapta เป็นโปรแกมทางด้าน บัญชีระดับสูงและ ERP หลายคนยังอาจไมรู้ว่า Axapta ได้เปลี่ยนเจ้าของมากี่ครั้ง Axapta มีชื่อเดิมคือ Damgaard Axapta เดิมที Axapta ถูกสร้างโดย 2 พี่น้องตะกูล Damgaard ที่ชื่อ Erik และ Preben ชาว เดนมาร์ ณ. Copenhagen (เมืองหลวงเดนมาร์ ) Axapta ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1983 เพื่อ ส้รางตลาดระดับสากล มีความยืดหยุ่น มีเพียง CD 1 แผ่นที่บรรจุโปรแกรม Axapta สามารถทำการตลาด ได้ทุกประเภท มันคือนวัตกรรมใหม่และ สนับสนุนความต้องการของตลาด นี้คือมุมมองของ Erik และ IBM ได้ซื้อ Axapta ในปี 1996 เพื่อมาทำตลาดที่ อาเมริกา
Axapta สร้างขึ้นมาเพื่อเป็น ERP มีระบบ Manufacturing และ CRM อยู่ในตัวและ สามารถทำการ Customization โดยมี ภาษาในการพัฒนาโครงสร้างคล้ายกับ JAVA เรียกว่า X++ เป็นภาษที่มีรวม SQL และ programming ไว้ในชุดคำสั่งเดียวกัน และการพัฒนานั้นยังมี IDE ที่ Dynamics AX นั้นทำการออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย เพียง 30 วินาทีก็สามารถ สร้างฟอร์มแบบง่าย ๆ พร้อมใช้งานได้ทันที

เหตุผลจาก Microsoft ที่ทำให้ Microsoft Navision Axapta มีอันดับที่ดี

  1. ความเร็ว Axapta ทำการทดสอบเมื่อ ตุลาคม 2001 โดย Compaq และ Oracle ทำการสร้าง record ใหม่ โดย เปิด sales order มากกว่า 315,000 record พร้อมกัน โดยใช้คน 3,600 คน เสร็จในเวลา 1 ชั่วโมง

  2. ราคาต่ำ ในระดับเดียวกัน Axapta เป็น Software ERP ระดับ 1 โดยมีราคาที่สมเหตุสมผล 10 User ในราคา $US80,000-120,000 (ประมาณ 3,280,000-4,920,000 บาท) และ $US150,000 สำหรับ 50 User (6,150,000) Software อื่นจะมีราคาอยู่ประมาณ $US1ล้าน (ประมาณ 41 ล้านบาท)

  3. Customization Axapta มีความสามารถในการ Customization สูง user สามารถเพิ่ม Field ใหม่ โดยอัตโนมัติ

  4. Multiple Database Axapta สนับสนุน Database ได้ 2 ค่ายคือ Microsoft SQL Server และ Oracle ซึ่งเป็น Database ระดับ Hight-End

  5. World-Wide มี Features สนับสนุนได้ทั่วโลก เช่น ใช้ได้หลายเงินตรา

  6. All-in One Product 100% ถ้าเป็น Software อื่น ในระดับเดียวกัน จะใช้ Software third party ในการ พัฒนาแต่ใน Axapta ได้รวบรวม Tools ทั้งหมดอยู่ใน Axapta ตัวอย่าง MAS 500 ใช้ ระบบ Manufacturing ของ Heitech

  7. High Reseller Standards Axapta ไม่เพียงแต่ขาย Software แต่ได้มีการระบบ Training สำหรับลูกค้าก่อนที่จะใช้งาน Software ซึ่งได้รวบราคาใน Software แล้ว

  8. Foreign Language and Foreign Currency สนับสนุนภาษาได้หลายภาษาและหลายสกุลเงิน

  9. Built-in Remote Access Software accounting ระดับ High-end จะมี Solutions ในการใช้งานผ่าน Citrix หรือ Terminal Service ในการ Remote ใช้งาน แต่ Axapta มี Built-in (AOS)

  • Questionnaires Axapta คือ CRM solution มี Wizard ในการสร้าง Questionnaires โดยกำหนด scheduled เป็น สัปดา,เดือน,ปี และจัดแยกกลุ่มและ ทำการ รวมระบบ ลูกค้า พนักงานเข้าด้วยกัน

    ที่มาข้อมูล  http://www.axsuccess.com/dynamicsax/