บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปัจจัยสำคัญของการเลือกโปรแกรมบัญชี และSoftware ERP (Software)

ปัจจัยสำคัญของการเลือกโปรแกรมบัญชี และSoftware ERP เพื่อนำมาใช้ในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเหมาะสมกับองค์กร ควรมีลักษณะดังนี้

Software เป็นไปตามมาตรฐานสากล รองรับการเพิ่มเติมความต้องการในอนาคต
เท คโนโลยี่ และการออกแบบสถาปัตยกรรมของ ตัวกำหนดสภาพแวดล้อมการใช้งานของระบบ ERP ซึ่งควรเลือกใช้ระบบเปิด (Open System) เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการสื่อสารกับระบบภายนอกได้
การ Customization แต่ละองค์กรจะมีรูปแบบเอกสาร รายงาน และ Flow การดำเนินงานที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะอยู่ในธุรกิจเดียวกัน ดังนั้น Software จะต้องมีฟังก์ชั่นการใช้งานในระบบที่สามารถเพิ่มเติม Field ได้โดยผู้ใช้งานเอง (Optional Field
การ Implementation การเลือกบริษัทที่ปรึกษาที่มีทีมงานที่มีคุณภาพ มีประวัติการทำงานดี มีประสบการณ์ตรงในธุรกิจขององค์กร เป็นการลดเวลาในการขึ้นระบบงาน และได้ใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ของบริษัทที่ปรึกษา มาต่อยอดงานขององค์กร
การ Maintenance ระบบซอฟแวร์ องค์กรต้องจัดให้มีทีมงานที่มีหน้าที่หลักในการดูแลระบบ และ/หรือ ใช้บริการของบริษัทที่ปรึกษาที่มีความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และมี Service Mind ในการเป็นผู้ช่วยเหลือเพื่อให้สามารถช่วยเหลือ ผู้ใช้งาน ให้ทำงานได้อย่างราบรื่น และช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
ต้นทุนโดยรวมของ การใช้ Software ERP หมายรวมถึงต้นทุน Software Hardware Infrastructure และต้นทุนของเวลา ที่ต้องใช้จนกว่าระบบจะทำงานได้ บางส่วนเป็นต้นทุนที่มองเห็นได้ชัด ขณะที่มีต้นทุนบางรายการที่อาจจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเช่น ต้นทุนของค่าเสียโอกาสในกรณีที่ซอฟแวร์หรือบริษัทที่ปรึกษา ที่เลือกแล้วไม่รองรับงานขององค์กร จำเป็นต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนและรอบคอบ เพราะลักษณะของต้นทุนโดยรวมของ Software เหมือนภูเขาน้ำแข็ง ส่วนที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนมีเพียง 20% ต้องพิจารณาให้เห็นต้นทุนอีก 80% ที่มองไม่เห็น
ทั้งนี้ทั้งนั้นปัจจัยที่สำคัญของการเลือกใช้ Softwareคือ ผลประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับ อันได้แก่ กำจัดความซ้ำซ้อนของข้อมูล ลดการบำรุงรักษาระบบ ลดโอกาสที่ข้อมูลไม่ถูกต้องลง และลดแหล่งจัดเก็บข้อมูล


การ ดำเนินธุรกิจในปัจจุบันนี้ แต่ละส่วนงานหรือแต่ละฝ่ายขององค์กรต่างทำงานกันเป็นเอกเทศโดยที่ไม่มีการ เชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กันแล้ว นอกจากจะทำให้เกิดต้นทุนที่ไม่น่าจะเกิดแล้ว โอกาสที่จะแข่งขันกับคู่แข่งขัน(Competitor) ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่เพียงแต่คู่แข่งภายในประเทศเพียงเท่านั้น องค์กรจะต้องหาทางรับมือโดยการนำเครื่องมือ (Tools) ที่มีประสิทธิภาพสูงมาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว
การเชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละส่วนงานหรือแต่ละฝ่ายขององค์กรนั้น เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงคือ โปรแกรมทางด้านการวางแผนทรัพยากรขององค์กร หรือเรียกว่า ERP (Enterprise Resource Planning) คำว่า ERP นี้ความหมายทางทฤษฎีคือ เป็นการรวบรวมกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process) ตลอดจนเชื่อมโยงโปรแกรมประยุกต์ (Applications) ต่างๆ ของแต่ละส่วนงานเข้าเป็นระดับองค์กร (Enterprise) โดยมีข้อมูลที่จัดเก็บไว้เพียงแห่งเดียว (Single Database) เป้าหมายของ ERP เพื่อรวบรวมแง่มุมทางธุรกิจต่างๆ เช่น งานวางแผน (Planning) งานผลิต (Production) งานขาย (Sale) งานทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource) และงานบัญชีการเงิน (Accounting/Finance) เชื่อมโยงข้ามส่วนงานต่างๆ เพื่อให้การใช้ข้อมูลร่วมกันจากฐานข้อมูลเดียวกัน มีการแบ่งปันเครื่องมือในการสร้างรายงานแก่ระดับบริหาร มีการใช้กระบวนการที่เป็นมาตรฐานร่วมกัน (Common Processes) และสนับสนุนการทำงานกระบวนการทางธุรกิจขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง สุด ข้อดีของการรวมข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อให้ข้อมูลเดียวกันสามารถใช้ร่วมกันทั้งองค์กรได้ เช่น เมื่อพูดถึงข้อมูลลูกค้า ทุกส่วนงานจะต้องเข้าใจว่าข้อมูลลูกค้านั้นมีที่มาจากแหล่งเดียวกันเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงข้อมูลของลูกค้า ไม่ว่าจะเกิดจากส่วนงานไหน ส่วนงานอื่นๆ ที่ต้องนำข้อมูลลูกค้าไปใช้ จะต้องรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ด้วย

บริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด ให้คำปรึกษา และให้บริการวางระบบโปรแกรมบัญชี Sage Accpac ERP, โปรแกรมลูกค้าสัมพันธ์ SAGE CRM,และ BI, MRP โทร.02 2744070 E-Mail: marketing@fmsconsult.com Website : www.fmsconsult.com
ที่มา http://www.software.co.th/webboard/community_read.asp?cid=62522&first=1&page=2&mailid=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น